ANGLO-SAXONS
BY THE END of the
8th century, Britain's people, known as the Anglo-Saxons, had created a rich culture, which included masterpieces of
jewellery, architecture, and literature. Originally
these people had come
from northern
Germany and southern Denmark, where they were known as
the Angles, Saxons, and Jutes. In
the 3rd and 4th centuries, these
tribes travelled to various parts of the Roman Empire,
including Gaul, or present-day
France, where their influence was short-lived. They travelled to Britain in the 5th
century, where they settled, and formed several separate
kingdoms. Eventually the kingdom of
Wessex became the dominant power.
|
ชาวแองโกล-แซกซัน
ประมาณปลายศตวรรษที่ 8 ชาวบริเตน เรียกกันว่า
แองโกล-แซกซัน (Anglo-Saxons) ได้สร้างวัฒนธรรมอันมีค่า
ซึ่งรวมถึงผลงานชิ้นเอกด้านเพชรพลอย สถาปัตยกรรม และวรรณกรรม เดิมทีผู้คนเหล่านี้เดินทางมาจากตอนเหนือของเยอรมนีและตอนใต้ของเดนมาร์ก
ซึ่ง ณ ที่นั้นพวกเขาได้รับการเรียกขานว่า ชาวแองเกิล แซกซัน และชาวจูต ในศตวรรษที่
3 และ 4 ชนเผ่าเหล่านี้ได้เดินทางท่องเที่ยวไปยังส่วนต่าง ๆ ของจักรวรรดิโรมัน รวมทั้งกอล
หรือปัจจุบันคือประเทศฝรั่งเศส ซึ่ง ณ ที่นั่นอิทธิพลของพวกเขามีอยู่ช่วงสั้น ๆ พวกเขาเดินทางไปยังเกาะบริเตนในศตวรรษที่
5 ซึ่งเป็นที่ที่พวกเขาได้ตั้งหลักแหล่งอยู่ และก่อตั้งเป็นราชอาณาจักรแยกกันต่าง
ๆ มากมาย ในที่สุด ราชอาณาจักรเวสเซกซ์ก็มีอำนาจโดดเด่นขึ้นมา
|
|||
Kingdoms
There
was always a struggle for supremacy among the kingdoms formed by the settlers. Northumbria was the earliest one to dominate under Edwin (d.
633). Then it was Mercias turn under Aethelbald (d. 757) and Offa (d. 796). Finally, Wessex dominated under
Alfred the Great. When Vikings from Denmark attacked and occupied northern England, Alfred stopped them from
pushing farther south, and the Anglo-Saxons
reconquered the north in the 10th century.
|
|
ราชอาณาจักร
มีความพยายามเพื่อความเป็นใหญ่ระหว่างราชอาณาจักรที่ก่อตั้งขึ้นโดยผู้ตั้งหลักแหล่งอยู่เสมอ
นอร์ทธัมเบรียเป็นราชอาณาจักรแรกสุดที่ปกครองโดยพระเจ้าเอดวิน
(Edwin คริสต์ทศวรรษที่ 633) ต่อมาก็เป็นราชวงศ์เมอร์เซียกลับมาปกครองโดยพระเจ้าแอเธลบอลด์
(Aethelbald คริสต์ทศวรรษที่ 757) และพระเจ้าออฟฟา (Offa คริสต์ทศวรรษที่ 796) ในที่สุด ราชวงศ์เวสเซ็กซ์ก็ขึ้นปกครองโดยพระเจ้าอัลเฟรดมหาราช
(Alfred the Great) เมื่อชาวไวกิงจากเดนมาร์กและยึดครองอังกฤษตอนเหนือ
พระเจ้าอัลเฟรดได้ยับยั้งพวกไวกิงไม่ให้ขับไล่ให้ไปไกลในทางตอนใต้ และชาวแองโกล-แซกซันก็กลับมาพิชิตอังกฤษตอนเหนือกลับมาได้ในศตวรรษที่
10
|
Culture
Cultural
life centred on the monasteries and on the royal court. Alfred the Great gathered scholars and artists around him, and he himself
translated many of the Latin classics into Anglo-Saxon, or Old English.
|
วัฒนธรรม
ชีวิตทางวัฒนธรรมมีศูนย์กลางอยู่ที่วัดและราชสำนัก
พระเจ้าอัลเฟรดมหาราชได้รวบรวมนักราชปราชญ์และศิลปินที่อยู่แวดล้อมพระองค์พร้อมทั้งพระองค์ได้แปลงานคลาสสิกละตินเป็นภาษาแองโกล-แซกซัน
หรือภาษาอังกฤษแบบเก่า
|
|||
Architecture
Anglo-Saxon churches,
like the one at Earls Barton, England,
often have square towers decorated
with stone relief. This pattern may be based on timber buildings of the period, which have all perished.
|
สถาปัตยกรรม
โบสถ์แองโกล-แซกซันเหมือนกับโบสถ์ที่เอิร์ล บาร์ตัน ประเทศอังกฤษ มักจะมีหอคอยสี่เหลี่ยมประดับประดาด้วยประติมากรรมนูนเป็นก้อนหิน
แบบอย่างนี้อาจจะยึดเอาอาคารไม้แห่งยุคเป็นหลักซึ่งพังทลายไปทั้งหมด
|
Jewellery
This
jewel is inscribed "Alfred
ordered me to be made" and may
have
belonged
to Alfred the Great. The
inscription and animal-head
decoration
are
finely worked in gold; the portrait, perhaps of the king himself, is made of enamel.
|
เครื่องเพชรพลอย
เพชรพลอยนี้จารึกคำว่า
“พระเจ้าอัลเฟรดได้รับสั่งให้สร้างข้าพเจ้าขึ้นมา” และอาจจะเป็นของพระเจ้าอัลเฟรดมหาราช
ข้อความที่จารึกและเครื่องประดับศีรษะของสัตว์ได้รับการสร้างขึ้นเป็นทองคำอย่างสวยงาม
ภาพเหมือนของคน บางทีอาจเป็นของกษัตริย์เอง ทำมาจากเครื่องเคลือบ
|
Decorated
manuscripts
Monks produced
quality manuscripts. One monk wrote the work, while a
second illustrated
it with figures, such as St Dunstan (c.909-988) kneeling before Jesus, and a third decorated it.
|
ต้นฉบับที่ได้รับการตัดแต่ง
พระได้สร้างต้นฉบับที่มีคุณภาพขึ้น พระรูปหนึ่งได้เขียนงานขึ้น
ในขณะที่รูปที่สองได้ใส่ภาพประกอบ เช่น ภาพนักบุญดันสตัน (St Dunstan คริสต์ศตวรรษที่ 909 - 988) กำลังคุกเข่าเบื้องหน้าพระเยซู
และรูปที่สามได้ประดับตกแต่งชิ้นงานนั้น
|
Written
records
In
the 7th century, missionaries from
mainland Europe, such as St Augustine of Canterbury, converted the Anglo-Saxons
to Christianity. The creation of
monasteries meant that more people learned to read and write. Monks produced historical
works, such as the Anglo-Saxon
Chronicle, which today give insights into the events of the period.
|
เอกสารที่ได้รับการบันทึก
ในศตวรรษที่ 7
คณะมิชชันนารีจากยุโรปแผ่นดินใหญ่ เช่น นักบุญออกกัสตินแห่งแคนเทอร์เบอรี (St
Augustine of Canterbury) ได้เปลี่ยนจากแองโกล-แซกซันไปเป็นคริสเตียน
การสร้างสรรค์วัดหมายถึงผู้คนจำนวนมากได้ศึกษาการอ่านและการเขียน
พระได้สร้างผลงานทางประวัติศาสตร์ เช่น Anglo-Saxon
Chronicle (บันทึกเหตุการณ์ของชาวแองโกล-แซกซัน) ซึ่งปัจจุบันได้ให้ความเข้าใจลึกซึ้งในเหตุการณ์แห่งยุค
|
|||
Anglo-Saxon Chronicle
In
the ninth century, Alfred the Great ordered the
Chronicle, a year-by-year account
of the history of England. It
covers the lives of kings and church leaders, military
history, and major events, such as the Viking invasions, and was last updated in 1154.
Bede
(c.673-735)
Bede,
an English monk and teacher in
Jarrow, wrote A History of the
English
Church and People, one of the most
important sources of our knowledge
of Anglo-Saxon times.
|
บันทึกเหตุการณ์ของชาวแองโกล-แซกซัน
ในศตวรรษที่ 9 พระเจ้าอัลเฟรดมหาราชทรงรับสั่งให้บันทึกเหตุการณ์เรื่องราวของประวัติศาสตร์อังกฤษในแต่ละปี
เรื่องราวประวัติศาสตร์นี้ครอบคลุมถึงประวัติของกษัตริย์และผู้นำทางศาสนจักร
ประวัติศาสตร์ทหาร และเหตุการณ์สำคัญ เช่น
การรุกรานของพวกไวกิงและได้ปรับปรุงครั้งสุดท้ายในปี ค.ศ. 1154 (พ.ศ. 1697
ก่อนสมัยสุโขทัย)
นักบุญบีด
(คริสต์ศตวรรษที่ 673 – 735 อายุ 62 ปี)
นักบุญบีด
เป็นพระและครูชาวอังกฤษในเมืองจาร์โรว์ (Jarrow) ได้เขียนประวัติศาสตร์ของศาสนจักรและประชาชนชาวอังกฤษ
ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญที่สุดแหล่งหนึ่งที่ให้ความรู้ยุคแองโกล-แซกซันให้กับพวกเรา
|
Alfred the Great
Ruler of Wessex and
Mercia, Alfred (c.849-c.899) was an able soldier
who defended his
kingdom against the Vikings. He
loved learning and education, and
arts and crafts flourished in his reign. He
could not drive the Vikings from northern England,
but most people saw him as their protector.
He was the first English king to become
a national symbol.
|
พระเจ้าอัลเฟรดมหาราช
พระเจ้าอัลเฟรด (คริสต์ศตวรรษที่
849 – 899 พระชนมายุ 50 ชันษา) ทรงเป็นนักปกครองแห่งราชวงศ์เวสเซ็กซ์และราชวงศ์เมอร์เซีย
ทรงเป็นทหารที่มีความสามารถปกป้องราชอาณาจักรของพระองค์จากพวกไวกิง
พระองค์ทรงรักการเล่าเรียนและการศึกษา
และศิลปะกับช่างฝีมือเจริญรุ่งเรืองในรัชสมัยของพระองค์ พระองค์อาจจะไม่ทรงขับไล่ชาวไวกิงออกไปจากอังกฤษตอนเหนือ
แต่ประชาชนส่วนมากได้มองเห็นพระองค์ทรงเป็นผู้ปกปักษ์ของพวกเขา พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์อังกฤษองค์แรกที่เป็นสัญลักษณ์ของชาติ
|
Timeline
450 : Angles,
Saxons, and Jutes from northern Germany and
Denmark
begin to arrive in England. They settle
mainly along the eastern coast -
East Anglia.
802-39
: Reign of Egbert of Wessex. There are
many Viking attacks.
871-99
: Reign of Alfred the Great, famous for
lawmaking, translating books into
Old English, and defeating the Vikings at Edington
in 878.
1016 :
Canute the Great, a Dane, is elected king by the
British; he rules until 1035.
1042 :
Anglo-Saxons regain power
under Edward the Confessor.
1066 :
Last Anglo-Saxon king, Harold 11,is killed by William of Normandy at the Battle of Hastings.
|
|
เส้นเวลา
ศตวรรษที่
450 : ชาวแองเกิล ชาวแซกซัน
และชาวจูตจากตอนเหนือของประเทศเยอรมนีและเดนมาร์ก
เริ่มเดินทางเข้ามาประเทศอังกฤษ ส่วนใหญ่พวกเขาได้ตั้งหลักแหล่งตามฝั่งทะเลด้านตะวันออก
คือ อีสต์แองเกลีย (East
Anglia)
ศตวรรษที่
802 – 39 : รัชสมัยของพระเจ้าเอ็กเบิร์ตแห่งราชวงศ์เวสเซ็กซ์ มีการต่อกับพวกไวกิงจำนวนมาก
ศตวรรษที่
871 – 99 : รัชสมัยของพระเจ้าอัลเฟรดมหาราช ทรงมีชื่อเสียในด้านออกกฎหมาย
แปลหนังสือเป็นภาษาอังกฤษแบบเก่า และพิชิตชาวไวกิงที่เอดิงตันในปี ค.ศ. 878
(พ.ศ. 1421)
ศตวรรษที่
1016 : พระเจ้าคนุตมหาราช ชาวเดน ได้รับเลือกจากชาวอังกฤษให้เป็นกษัตริย์
พระองค์ทรงปกครองจนถึงปี ค.ศ. 1035 (พ.ศ. 1578)
ศตวรรษที่
1042 : ชาวแองโกล-แซกซันได้ยึดอำนาจคืนในสมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดธรรมสักขี
ศตวรรษที่
1066 : กษัตริย์แองโกล-แซกซันองค์สุดท้าย คือ พระเจ้าฮาโรลด์ที่ 11 ถูกพระเจ้าวิลเลียมแห่งนอร์ม็องดี
(William
of Normandy) สังหารที่ศึกเฮสติงส์
|